การปะทุของซาวด์และไรม์ที่ประกาศว่าฮิปฮอปเป็นศิลปะทางการเมืองแบบถึงแก่น
34
ในปี 1988 ฮิปฮอปมีอายุได้ราว 15 ปีแล้ว แต่ศิลปินหรือกลุ่มแร็พเปอร์มากมายก็ยังสามารถทลายกำแพงของอุตสาหกรรมเข้าไปสู่โลกดนตรีกระแสหลักได้ อย่างไรก็ดี แนวเพลงนี้ยังคงถูกเข้าใจผิดในวงกว้าง แต่โชคดีที่ Public Enemy เตรียมพร้อมรับมือและมุ่งมั่นที่จะสู้กับคำครหาเหล่านั้นอยู่แล้ว ฟรอนต์แมนหัวรั้น Chuck D และไฮป์แมนขาแร็พอย่าง Flavor Flav ได้ถ่ายทอดการเปิดฉากที่พร้อมทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้าด้วยงานเพลงปี 1987 อย่าง Yo! Bum Rush the Show ซึ่งเป็นผลงานเปิดตัวที่ตั้งใจโต้กลับโดยนำเสนอแนวคิดทางการเมืองที่สนับสนุนคนผิวดำเป็นหลัก
เมื่อเทียบกันแล้ว It Takes a Nation of Millions to Hold Us Back ให้ความรู้สึกเหมือนระเบิดเพลิงของจริงด้วยสงครามแร็พที่นำโดยศิลปินที่เขียนเนื้อเพลงได้อย่างแยบคายกับแนวคิดที่ท้าทายทุกการปะทะ พลังของการปฏิวัติถูกสื่อออกมาอย่างชัดเจนใน “Bring the Noise” และ “Don’t Believe the Hype” สองเพลงปลุกระดมที่ท่อนฮุกให้ความรู้สึกเหมือนการเดินขบวน ยิ่งไปกว่านั้น แทร็กอื่นๆ อย่าง “Black Steel in the Hour of Chaos” และ “Rebel Without a Pause” ยังส่งสารที่หนักหน่วงกว่าเพลงก่อนหน้า ด้วยเนื้อหาที่ปลุกปั่นและตรงไปตรงมาไม่แพ้เพลงอื่นๆ ในอัลบั้ม
“นี่เป็นอัลบั้มที่ไม่เคยตกยุค ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเราได้ทั้งนั้น”