การโอบรับศิลปะของการพรั่งพรูทางอารมณ์ พร้อมกรุยทิศทางใหม่สุดมาดมั่นให้กับวงการแร็พ
Flower Boy
Tyler, The Creator
92
แม้แต่ตอนที่เขายังเป็นเด็กเกรียนประจำวงการฮิปฮอปใต้ดิน อัลบั้มสุดอื้อฉาวที่อัดแน่นไปด้วยการจิกกัดของ Tyler, The Creator ก็สะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลและความเกลียดชังตัวเองของเขา แต่ในอัลบั้มที่ 4 อย่าง Flower Boy ที่ออกมาในปี 2017 นั้นเป็นช่วงเวลาที่ Tyler ยืดอกรับบทบาทนักเขียนไดอารีที่ปล่อยอารมณ์พรั่งพรู ปลดเปลื้องการล่อเป้าชวนช็อกทั้งหลายออกไป แล้วแสดงออกถึงอารมณ์ความเหงาและเมารักอย่างเต็มที่ เขากลายมาเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่นำเสนอตัวตนผ่านงานหลากหลายแนว ผนวกกับการพ่นคำร้องคล้องจองพร้อมกับการร้องด้วยเสียงหลบแบบ Pharrell ซึ่งทำให้เขาได้ยืนอยู่ตรงเส้นตัดผ่านระหว่างซาวด์ดนตรีฮิปฮอป นีโอโซล และชิลล์แจ๊ส
ในหลายๆ แง่มุม Flower Boy นั้นเรียกได้ว่าเป็นอัลบั้มมาก่อนกาลที่ได้ทำนายไว้ว่าวงการดนตรีในภาพรวมกำลังจะมุ่งหน้าไปในทิศทางใด ซึ่งก็ต้องยกเครดิตให้กับบรรดาว่าที่คนทำเพลงฮิตในอนาคตอย่าง Steve Lacy กับ Kali Uchis ที่ได้มาร่วมงานกับเขา ถึงแม้ Tyler จะยกโขยงศิลปินรับเชิญมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ (Frank Ocean), ฮีโร่ที่เขาชื่นชม (Pharrell Williams) และคนดังฝั่งแร็พ (A$AP Rocky, Lil Wayne, ScHoolboy Q) แต่ Flower Boy ก็ยังเป็นผลงานที่สะท้อนตัวตนของศิลปินที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครคนนี้ได้อย่างล้ำลึก ซึ่งอัลบั้มนี้ก็บังเอิญกรุยทิศทางใหม่สุดมาดมั่นให้กับวงการฮิปฮอปอีกด้วย